การที่ต้องคอยเช็คข้อมูลการใช้งานสำหรับคุณเป็นเรื่องยุ่งยากหรือไม่? สิ่งสุดท้ายที่คุณควรกังวลระหว่างเดินทางคือการต้องคอยเช็คข้อมูลและกังวลว่าข้อมูลจะหมดระหว่างเดินทางหรือไม่ 'นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเรา'ถึงทำให้การติดตามการใช้งานข้อมูลของคุณและการเติมเงินบน eSIM ของ Airalo เป็นเรื่องง่ายในระหว่างการเดินทาง เรียนรู้เกี่ยวกับ eSIM รวมถึงวิธีเช็คข้อมูล การเติมเงิน และวิธีการประหยัดการใช้ข้อมูลเมื่อคุณเดินทาง
ในบทความนี้:
- eSIM คืออะไร?
- ข้อมูลเซลลูลาร์คืออะไร?
- ความแตกต่างระหว่าง Wi-Fi และข้อมูลเซลลูลาร์คืออะไร?
- การโรมมิ่งข้อมูลหมายถึงอะไร?
- กิจกรรมอะไรบ้างที่ใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ต?
- คุณจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเท่าไหร่?
- วิธีการเลือกแผนบริการ eSIM ให้เหมาะสำหรับการเดินทางของคุณ?
- วิธีการเช็คข้อมูลการใช้งาน?
- วิธีเติมเงินบน Airalo eSIM
- จะเกิดอะไรขึ้นหากปิดการใช้งานข้อมูลบน eSIM?
- เคล็ดลับ 7 ประการในการใช้ข้อมูลให้น้อยลง
eSIM คืออะไร?
'เริ่มต้นด้วยข้อมูลพื้นฐานก่อนเลย: eSIM คืออะไร? eSIM คือซิมการ์ดแบบฝัง ทำงานเหมือนกับซิมทั่วไป แต่มี'แต่ติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์ของคุณ และทำงานแบบดิจิทัล 100% eSIM ช่วยให้คุณดาวน์โหลดแผนข้อมูลและเชื่อมต่อกับเครือข่ายมือถือได้ทันที
'ไม่จำเป็นต้องติดต่อผู้ให้บริการซิมหลักของคุณ หรือซื้อซิมใหม่ หรือต้องคอยจัดการซิมการ์ดหลายซิม หากอุปกรณ์ของคุณ ปลดล็อคเครือข่ายและรองรับ eSIM คุณสามารถติดตั้งและเปิดใช้งาน eSIM บนสมาร์ทโฟนของคุณได้เลย
ข้อมูลเซลลูลาร์คืออะไร?
eSIM เชื่อมต่อคุณกับเครือข่ายท้องถิ่นเพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ข้อมูลมือถือ (หรือที่เรียกว่าข้อมูลเซลลูลาร์) คือข้อมูลดิจิทัลที่ถ่ายโอนไปยังอุปกรณ์ของคุณผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์ แทนที่จะเป็นไฟเบอร์ เคเบิล หรือการเชื่อมต่อ DSL แบบเดิม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือหากคุณ'กำลังใช้อินเทอร์เน็ตโดยไม่มี Wi-Fi แสดงว่าคุณ'กำลังใช้ข้อมูลเครือข่ายเซลลูลาร์หรือซึ่งก็คือข้อมูลมือถืออยู่
ความแตกต่างระหว่าง Wi-Fi และข้อมูลเซลลูลาร์คืออะไร?
Wi-Fi และข้อมูลเซลลูลาร์ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์ของคุณได้ ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Wifi และข้อมูลเซลลูลาร์คือตำแหน่งที่มาของสัญญาณ ด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi คุณจะรับสัญญาณจากเราท์เตอร์ไร้สาย และมันจะ'ใช้ได้ก็ต่อเมื่อคุณ'อยู่ในระยะของสัญญาณเราท์เตอร์เท่านั้น
ข้อมูลมือถือหรือถือเรียกว่าข้อมูลเซลลูลาร์จะถูกส่งผ่านการเชื่อมต่อไร้สาย 3G, 4G หรือ 5G ข้อดีของข้อมูลเซลลูลาร์นั้นคือคุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในช่วงระยะของสัญญาณ'ของเราท์เตอร์ — คุณสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ แต่ถ้าคุณไม่ระวัง'ข้อมูลการใช้ข้อมูลเซลลูลาร์อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูง การใช้ข้อมูลเกินปริมาณที่กำหนดในแผนบริการมือถือของคุณ (ทำได้ง่ายเมื่อคุณ'เลือกที่จะเปิดโรมมิ่งเมื่อไปต่างประเทศ) แต่อาจส่งผลให้มีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมจากผู้ให้บริการของคุณ
การโรมมิ่งข้อมูลหมายถึงอะไร?
การโรมมิ่งข้อมูลคือเมื่อคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายของผู้ให้บริการต่างประเทศ'เพื่อใช้บริการข้อมูลเซลลูลาร์ผ่านอุปกรณ์มือถือของคุณในต่างประเทศ การโรมมิ่งจะเริ่มเมื่อคุณเดินทางออกนอกพื้นที่ที่เครือข่ายหลักของคุณรองรับ ไม่ว่าจะไปยังประเทศใหม่ จังหวัดหรือรัฐอื่น
เมื่อเปิดโรมมิ่ง อุปกรณ์ของคุณจะเป็นเหมือนแขกสำหรับเครือข่ายใหม่ที่คุณเชื่อมต่อด้วย บริการโทร ข้อความ และข้อมูลของคุณจะถูกเรียกเก็บเงินในอัตราที่แตกต่างกันกับเครือข่ายหลักของคุณซึ่งโดยทั่วไปจะถูกเรียกเก็บในอัตราที่สูงกว่า คุณสามารถ หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมโรมมิ่งที่ไม่คาดคิด โดยใช้ eSIM เมื่อคุณเดินทาง
กิจกรรมอะไรบ้างที่ใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ต?
อะไรก็ตามในโทรศัพท์ของคุณที่ใช้อินเทอร์เน็ตในการส่งและรับข้อมูลจะใช้ข้อมูลเซลลูลาร์บนมือถือของคุณ กิจกรรมเหล่านี้ได้แก่ การท่องอินเทอร์เน็ต เช็คอีเมล เลื่อนดูโซเชียลมีเดีย สตรีมเพลงและวิดีโอ และอื่นๆ อีกมากมาย จำนวนข้อมูลที่แต่ละกิจกรรมใช้ก็แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น การท่องเว็บใช้ข้อมูลประมาณ 50MB ต่อชั่วโมง ในขณะที่การสตรีมแบบ 4K อาจใช้ข้อมูลสูงถึง 7GB ต่อชั่วโมง
คุณจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเท่าไหร่?
อย่างที่คุณเห็น ข้อมูลมือถือมีหน่วยเป็นเมกะไบต์ (MB) และกิกะไบต์ (GB) ข้อมูล 1GB มีประมาณ 1,000 MB ข้อมูลไหนก็ตามที่มีการดาวน์โหลดหรืออัพโหลดจากอินเทอร์เน็ตจะใช้หน่วยข้อมูลเป็น MBs or GBs.
ข้อมูลทีคุณต้องการจะขึ้นอยู่กับแอปพลิเคชันที่คุณใช้งานและกิจกรรมที่คุณทำระหว่างใช้อินเทอร์เน็ต อ้างอิงข้อมูลจากอุปกรณ์ Samsung, 1GB ของการใช้ข้อมูลจะหมายถึงการใช้เวลาของคุณ 20 ถึง 30 นาทีต่อวันสำหรับ 1 เดือน ในการ เช็ค emails, เล่น social media, และค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต รายละเอียดดังกล่าว'คือรายละเอียดคร่าวๆของกิจกรรมต่างๆที่ใช้อินเทอร์เน็ต
- Google Maps: 5MB ต่อชั่วโมง
- Social Media: 50MB ต่อชั่วโมง
- ค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต: 50MB ต่อชั่วโมง
- เล่นเกมส์ออนไลน์: 70+MB ต่อชั่วโมง
- เปิดเพลงออนไลน์: 100MB ต่อชั่วโมง
- เปิดวิดิโอระดับ SD: 1GB ต่อชั่วโมง
- เปิดวิดิโอระดับ HD: 4GB ต่อชั่วโมง
- เปิดวิดิโอระดับ 4K: 7GB ต่อชั่วโมง
คุณสามารถใช้การประมาณการข้อมูลดังกล่าวเพื่อคำนวณการใช้ข้อมูลคร่าวๆของคุณได้'เพื่อดูว่าคุณควรเลือกแผนบริการ eSIM แบบใด
วิธีการเลือกแผนบริการ eSIM ให้เหมาะสำหรับการเดินทางของคุณ?
ตอนนี้คุณคงเข้าใจภาพรวมของการใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ตของแต่ละกิจกรรมเพื่อช่วยให้คุณเลือกแผนบริการได้อย่างเหมาะสมสำหรับทริปการเดินทาง คุณสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวอ้างอิงเพื่อเลือกแผนบริการ Airalo eSIM ได้ ซึ่งเลือกได้ตั้งแต่ จุดหมายปลายทางที่จะไป จำนวนข้อมูลที่ต้องการใช้ (GB) และระยะเวลาของแผนบริการ eSIM
หาก'คุณกำลัง'จะเดินทางไปที่ฝรั่งเศส คุณจะออกทริป'เป็นระยะเวลาสองอาทิตย์และต้องการใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ต 2GBs โดยประมาณ คุณสามารถไปที่หน้าเว็บไซท์ Airalo'เลือกประเทศฝรั่งเศส และเลือกแพ็คเกจที่คุณต้องการได้เลยซึ่งในที่นี้ก็คือ 2GB ระยะเวลาแพ็คเกจ 15 วัน เมื่อได้ eSIM มาแล้ว คุณสามารถกดดาวน์โหลด eSIM ได้จากในแอป Airalo และติดตั้งบนอุปกรณ์ eSIM จะทำการเชื่อมต่อกับเครือข่ายท้องถิ่งโดยทันทีเมื่อคุณเดินทางถึงฝรั่งเศส
วิธีการเช็คข้อมูลการใช้งาน?
ด้วย Airalo eSIM คุณจะได้ข้อมูลและระยะเวลาที่คุณต้องการ ถ้าคุณใช้ข้อมูลหมดหรือแพ็คเกจบริการหมดอายุก่อน คุณก็สามารถเติมเงินที่ eSIM ได้โดยง่าย หรือสามารถซื้อแพ็คเกจใหม่ได้ตามคุณต้องการ สิ่งที่ Airalo ไม่เหมือนผู้ให้บริการมือถือของคุณ'คือพวกเราไม่เรียกเก็บค่าโรมมิ่งจากคุณระหว่างเดินทาง
ดังนั้นการที่ตรวจสอบแผนบริการก่อนคุณเดินทางเป็นแผนที่ฉลาดอย่างมาก'เนื่องจากจะช่วยให้คุณจำกัดการใช้ข้อมูลได้อย่างเหมาะสมและจำกัดค่าใช้จ่ายได้ ต่อไปนี้คือวิธีที่ Airalo ทำให้การติดตามข้อมูลของคุณเป็นเรื่องง่าย
ใช้ Airalo Widget เพื่อติดตามการใช้งานข้อมูลบน iPhone
ถ้าคุณมี iPhone คุณสามารถใช้ Airalo iOS widget เพื่อติดตามการใช้ข้อมูลของคุณผ่านหน้าจอของโฮมสกรีน ต่อไปนี้'คือวิธีการตั้งค่า:
- แตะไปที่ไอคอนของแอป แล้วกดค้างไว้เลือกแก้ไขหน้าจอหลัก (Home Screen)
- คลิก+ที่มุมซ้ายบนเพื่อเพิ่มการแสดงผลบนหน้าจอ
- เลื่อนและคลิกแอป Airalo
- เลือกขนาดของการแสดงผล เล็ก กลาง และใหญ่ แล้วแตะเพิ่ม Widget
- เลือก eSIM ที่คุณต้องการติดตามโดยกดค้างไว้แล้วแตะแก้ไข Widget
ตอนนี้คุณก็สามารถเห็นการใช้ข้อมูล eSIM บนหน้าจอได้อย่างง่ายดายแล้วล่ะ เมื่อข้อมูลของคุณใกล้หมด Siri จะโชว์ widget ด้านบน"Smart Stack" เพื่อที่จะคอยเตือนคุณให้เติมเงิน eSIM เพื่อจะได้ไมพลาดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
เปิดใช้งานการแจ้งเตือนบน Airalo app
หากคุณ'เปิดใช้งานการแจ้งเตือนบน Airalo app'เมื่อข้อมูลคุณใกล้หมดหรือแพ็คเกจกำลังจะหมดอายุ จะมีการแจ้งเตือนล่วงหน้า
วิธีตั้งค่าการแจ้งเตือนแบบพุช (Push notification) บน iPhone:
- ไปที่ การตั้งค่า (Settings).
- แตะ การแจ้งเตือน.
- เลือก Airalo app
- เปิด อนุญาติการแจ้งเตือน และเลือกรูปแบบการแจ้งเตือนที่คุณต้องการ
วิธีตั้งค่าการแจ้งเตือนแบบพุช (Push notification) บน Android:
- ไปที่ การตั้งค่า (Settings).
- แตะ การแจ้งเตือน > การตั้งค่า App (App Settings).
- แตะที่เมนูและเลือก All Apps.
- แตะที่ Airalo app
- เปิดการแจ้งเตือน
วิธีเติมเงินบน Airalo eSIM
ข้อมูลเหลือน้อยใช่ไหม? หาก eSIM ของคุณเป็นแบบชาร์จได้ คุณสามารถเติมเงินได้ในแอป Airalo หากต้องการเติมเงิน eSIM ของคุณ ให้ทำตามคำแนะนำเหล่านี้:
- เข้าสู่ระบบบัญชี Airalo ของคุณ
- ไปที่ eSIM ของฉัน
- แตะ eSIM ที่คุณต้องการเติมเงิน
- แตะ เติมเงิน
- เลือกแพ็กเกจที่คุณต้องการ
ถ้าคุณ'ไม่เห็น"ปุ่มเติมเงิน"นั้นหมายความว่า'eSIM ของคุณ'เป็นแบบไม่สามารถเติมเงินได้หรือ'มีการเปลี่ยนเครือข่ายเซลลูลาร์ของ eSIM นั้นหลังจากคุณได้ทำการใช้งานไปแล้ว ไม่ต้องกังวล คุณสามารถดาวน์โหลดแพ็คเกจ eSIM อันใหม่เพื่อเชื่อมต่อแทนได้
จะเกิดอะไรขึ้นหากปิดการใช้งานข้อมูลบน eSIM?
หากคุณปิดข้อมูลมือถือ คุณ'จะต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อใช้อินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์ของคุณ ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากเมื่อเดินทาง เนื่องจากการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่เสถียรและปลอดภัยอาจไม่พร้อมใช้งานในระหว่างเดินทาง ด้วยเหตุนี้'จึงดีที่สุดที่จะไม่ใช้ Wi-Fi เพียงอย่างเดียวเมื่อคุณเดินทาง
เคล็ดลับ 7 ประการในการใช้ข้อมูลน้อยลง
หากคุณพบว่า'ข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่คุณใช้หมดไวกว่าปกติ? แม้ว่าข้อมูลมือถือจะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้จากทุกที่ แต่'หากคุณไม่ตรวจสอบการใช้ข้อมูล'ข้อมูลของคุณอาจถูกใช้เร็วเกินกว่าปกติโดยไม่จำเป็นจากแอปบางแอป เคล็ดลับที่ช่วยให้คุณใช้ข้อมูลน้อยลงและยังคงช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อได้อยู่เสมอเมื่อคุณเดินทาง
1. ระวังการใช้งานข้อมูลเซลลูลาร์ที่ไม่จำเป็น (Background Data)
ข้อมูลอินเทอร์เน็ตจากมือถือ'อาจหยุดทำงานเมื่อคุณ'ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่องทำให้ข้อมูลหมดเร็วกว่าปกติ แอปจำนวนมากจะถูกอัปเดตโดยอัตโนมัติ'แม้คุณอาจจะคิดว่าแอปเหล่านั้นไม่ได้ถูกเปิดใช้งาน ลองนึกดูสิว่า ถ้าคุณไม่ตระหนักถึงการใช้ข้อมูลเหล่านั้น —ข้อมูลของคุณจะหมดไวแค่ไหน ต่อไปนี้'จะเป็นวิธีการที่จะช่วยให้คุณแน่ใจว่า'ข้อมูลของคุณจะไม่ถูกใช้งานไปโดยที่คุณไม่รู้ตัว
สำหรับอุปกรณ์ iOS:
- ไปที่ การตั้งค่า
- แตะ ทั่วไป (General)
- แตะ รีเฟรช Background App แล้วปิด
สำหรับอุปกรณ์ Android:
- ไปที่ การตั้งค่า
- แตะ การเชื่อมต่อ > การใช้ข้อมูล
- ไปที่ส่วนของ Mobile ให้แตะ การใช้ข้อมูลมือถือ
- เลือกแอปจากกราฟการใช้งาน
- ปิด อนุญาตการใช้ข้อมูลที่ไม่จำเป็น (Background App)
2. ใช้โหมดประหยัดข้อมูลบน iPhone
หากอุปกรณ์ของคุณติดตั้ง iOS 13 หรือเวอร์ชันที่ใหม่กว่า คุณสามารถเปิดโหมดประหยัดข้อมูลเพื่อลดการใช้ข้อมูลของคุณได้ แต่ละแอปจะมีวิธีการลดการใช้ข้อมูลที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไป นี่คือสิ่งที่คุณจะเจอเมื่อใช้โหมดประหยัดข้อมูล:
- แอปจะหยุดใช้ข้อมูลเมื่อคุณ'ไม่ได้ใช้งาน
- แอปจะไม่อัปเดตหรือรีเฟรช'อัตโนมัติ
- คุณภาพการสตรีมจะลดลง
- การดาวน์โหลดและการสำรองข้อมูลอัตโนมัติจะถูกปิด
- การอัปเดตอัตโนมัติจะหยุดชั่วคราว (เช่น รูปภาพ iCloud)
'วิธีเปิดโหมดประหยัดข้อมูลสำหรับ iPhone ของคุณ:
- ไปที่ การตั้งค่า
- แตะ เซลลูลาร์ > Cellular/Mobile Data
- แตะสายโทรศัพท์ที่คุณต้องการใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ต (หาก'เป็นสายที่เปิดใช้งานอยู่ นี่จะเป็น eSIM ของคุณ)
- เปิด โหมดประหยัดข้อมูล
3. วิธีการเปิดใช้งานโหมดประหยัดข้อมูลบน Android
บนอุปกรณ์ Android โหมดประหยัดข้อมูลจะทำงานคล้ายๆกันกับ iOS ซึงจะช่วยจำกัดการใช้งานข้อมูลที่ไม่จำเป็นจากแอปต่างๆบนอุปกรณ์ของคุณ'เมื่อคุณใช้งานเซลลูลาร์โดยไม่มี Wifi วิธีการเปิดใช้งานแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยระหว่างอุปกรณ์ Samsung และ Google
นี่คือ'วิธีเปิดโหมดประหยัดพลังงานบน Samsung smartphone:
- ไปที่ การตั้งค่า
- แตะ การเชื่อมต่อ (Connections) > การใช้ข้อมูล (Data Usage)
- แตะ โหมดประหยัดข้อมูล.
- เปิด โหมดประหยัดข้อมูล.
โหมดประหยัดข้อมูลสำหรับอุปกรณ์ของ Google:
- ไปที่ การตั้งค่า
- แตะ เครือข่าย & อินเทอร์เน็ต.
- แตะ โหมดประหยัดข้อมูล.
- เปิด โหมดประหยัดข้อมูล.
4. วิธีเปิดใช้งานแผนที่แบบออฟไลน์
หนึ่งใน apps การเดินทางที่ดีที่สุด คือ Google Maps. นักเดินทางหลายคนพึ่งพาแผนที่จาก Google Maps'ในการเดินทางเมื่อไปต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การใช้แผนที่จาก Google Maps แบบออนไลน์— เป็นอะไรที่กินข้อมูลอินเทอร์เน็ตอย่างมากโดยเฉพาะเมื่อคุณเปิดแผนที่เดินทางบ่อยครั้ง
แต่โชคยังดีที่'มีวิธีที่ช่วยประหยัดข้อมูลกว่านั้น ซึ่งก็คือการเปิดแผนที่ Google Maps แบบออฟไลน์ ต่อไปนี้'คือวิธีการตั้งค่า:
- เปิด Google Maps ขณะที่เชื่อมต่อกับ Wifi
- ค้นหาเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางของคุณ.
- เริ่มออกจากจุดสตาร์ท
- แผนที่'จะค่อยๆนำคุณไปสู่จุดหมายโดยปราศจากการใช้ข้อมูลเซลลูลาร์
คุณยังสามารถดาวน์โหลดแผนที่ลงบนอุปกรณ์มือถือของคุณ:
- เปิด Google Maps ขณะที่เชื่อมต่อกับ Wifi
- ค้นหาจุดหมายปลายทางที่คุณต้องการและกดดาวน์โหลดแผนที่ลงบนอุปกรณ์
- ด้านล่างให้แตะ More > ดาวน์โหลดแผนที่โหมดออฟไลน์ (Download Offline Map) > ดาวน์โหลด.
5. ใช้วิธีการดาวน์โหลด'แทนที่การเปิดออนไลน์
ดาวน์โหลดเพลง พ็อดคาสท์ และ Netflix ที่ต้องการไว้ฟังหรือดูเตรียมไว้ก่อนออกเดินทางเพื่อป้องกันการสตรีมข้อมูลตอนเดินทาง หากต้องการจะดาวน์โหลด? รอจนกว่าคุณจะเชื่อมต่อกับ Wifi อีกครั้งเพื่อประหวัดการใช้ข้อมูลจาก eSIM
6. ตรวจสอบการใช้งานข้อมูล
หากคุณ'พบว่า ข้อมูลของคุณยังถูกใช้ไปเร็วกว่าปกติที่ควรจะเป็น โปรดตรวจสอบการใช้ข้อมูลแอปของคุณ หลังจากตรวจสอบ คุณอาจพบว่า'คุณอาจมีแอปใดแอปหนึ่งที่ใช้ข้อมูลมากกว่าที่คุณคาดไว้ ในส่วน'การตั้งค่าโทรศัพท์ของคุณ'คุณจะพบรายการแอปทั้งหมด'ที่คุณติดตั้งและปริมาณข้อมูลที่ถูกใช้ จากนั้นคุณสามารถถอนการติดตั้งแอปที่คุณไม่ได้ใช้'และปิดแอปใดก็ตามที่ใช้ข้อมูลมากเกินไป
Pro tip: รีเซ็ตการใช้งานข้อมูลทั้งหมดก่อนคุณจะออกเดินทางเพื่อที่จะได้ตรวจสอบการใช้งานข้อมูลบนอุปกรณ์มือถือได้อย่างแม่นยำ
7. ปิด Wi-Fi Assist
Wi-Fi Assist (หรือ การสลับเครือข่ายบน Android) โปรดตรวจสอบว่าคุณกำลังเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตที่เสถียร สมมุติว่าสัญญาณ Wifi ของคุณมีสัญญาณที่อ่อนเกินไปและไม่เสถียร หากเป็นกรณีนั้น'เครือข่ายเซลลูลาร์ของคุณจะถูกสลับอัตโนมัติเพื่อไปใช้สัญญาณที่เสถียรกว่า'เพื่อไม่ให้คุณสูญเสียการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นั่นเป็นสิ่งที่ดีมาก'หากคุณกำลังใช้ Wifi ที่บ้าน แต่ถ้าคุณกำลังเดินทางล่ะ'นั่นก็อาจจะเป็นอะไรที่เสียหายอย่างมากถ้าต้องเผชิญหน้ากับค่าโรมมิ่งที่ไม่คาดคิด
ต่อไปนี้'คือวิธีการปิด Wi-Fi Assist บนอุปกรณ์ iPhone:
- ไปที่ การตั้งค่า
- แตะ ข้อมูลมือถือ (Cellular/Mobile Data)
- เลื่อนไปที่ด้านล่างแล้วปิด Wi-Fi Assist
วิธีปิด Network Switch บนอุปกรณ์ Android ของคุณ:
- ไปที่ การตั้งค่า
- แตะ การเชื่อมต่อ (Connections) > Wi-Fi
- แตะจุดสามจุดที่มุมแล้วเลือก Advanced
- ปิด การสลับการใช้ข้อมูลมือถือ
หลังจากสิ้นสุดบทความ'เราเชื่อว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่อัปเดตเพียงพอเกี่ยวกับวิธีการติดตาม จัดการข้อมูล และเติมเงิน eSIM แล้ว! ไปที่ศูนย์ช่วยเหลือของเราเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ การใช้ Airalo eSIM ของคุณ